ตร. เตือนภัยออนไลน์ “ทำงานง่าย รายได้ดี ไม่มีอยู่จริง”

นื่องจากในทุกรอบสัปดาห์ มีการรับแจ้งความออนไลน์คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ เป็นจำนวนมาก และอยู่ในลำดับที่ 2 ของทุกสัปดาห์ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. เป็นห่วงพี่น้องประชาชน ที่อาจจะตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพโดยอาศัยความต้องการมีรายได้พิเศษของประชาชนเป็นกลโกงในการหลอกลวง จึงมอบหมายให้ พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วยคณะทำงาน แถลงข่าวเตือนภัย เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2566 เวลา 10.30 น. ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากยังมีประชาชนหลงเชื่อและถูกหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวอยู่ และมีการหลอกลวงในรูปแบบอื่นๆ อีกจำนวนมาก

พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.กล่าวว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (28 พ.ค.-3 มิ.ย.2566) มีสถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์มากที่สุดยังเป็นคดีเดิมๆ 5 อันดับ ได้แก่ อันดับ 1) คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 2) คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ 3) คดีหลอกลวงให้กู้เงิน 4) คดีข่มขู่ทางทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) และ 5) คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ สำหรับคดีออนไลน์ที่มิจฉาชีพนำมาหลอกลวงซ้ำเติมประชาชนในช่วงนี้ คือ คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ โดยมีรูปแบบการหลอกลวงมาก่อนหน้านี้ เช่น หลอกให้ทำงานหารายได้พิเศษในการสต๊อกสินค้าให้ศูนย์กระจายสินค้าของ Shopee Lazada โดยให้ผู้เสียหายกดไลค์ กดแชร์สินค้าที่กำหนด และโอนเงินค่าสินค้าเพื่อเป็นการสต๊อกสินค้า โดยอ้างว่าผู้เสียหายจะได้ค่าคอมมิชชัน ของราคาสินค้า, หลอกให้ทำงานกดสั่งสินค้าใส่ตะกร้าใน Shopee จากนั้นคนร้ายให้บันทึกหน้าจอส่งให้ดูพร้อมโอนเงินตามมูลค่าสินค้านั้นๆเข้าบัญชีคนร้าย โดยอ้างว่าผู้เสียหายจะได้ค่าคอมมิชชัน, หลอกลวงให้ทำงานหารายได้พิเศษจากการขายสินค้าใน Wish Shop โดยให้เลือกสินค้ามาขาย ตามเงื่อนไขและจำนวนที่จะทำให้ผ่านภารกิจ และต้องเติมเงินก่อนขายทุกครั้ง โดยอ้างว่าผู้เสียหายจะได้กำไรจากการขายสินค้า ซึ่งถือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนต้องย้ำเตือนให้ประชาชนได้รับทราบ

พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท.บช.สอท. กล่าวถึงรายละเอียดภัยออนไลน์ที่มิจฉาชีพหลอกลวงให้ประชาชนโอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ ดังนี้

  1. “หลอกให้สมัครงาน สุดท้ายอ้างคนเต็ม ให้ทำภารกิจลงทุนแทน” มิจฉาชีพโฆษณารับสมัครงานทาง Facebook โดยใช้รูปและโปรไฟล์ที่น่าเชื่อถือชักชวนให้ทำงาน โดยมีเงื่อนไขในการสมัครงานง่าย รายได้ดี ผู้เสียหายหลงเชื่อทักสอบถามรายละเอียด มิจฉาชีพคนที่ 1 ให้เพิ่มเพื่อนไลน์มิจฉาชีพคนที่ 2 มิจฉาชีพคนที่ 2 อ้างว่ามีคนทำงานตามที่โฆษณาเต็มแล้ว เสนอให้ผู้เสียหายทำภารกิจซื้อพอร์ตหุ้นในเว็บไซต์ปลอม Liberator https://fhwbziuvdrldd.com/account/register (เปิดเมื่อ 2023-02-07) โดยจะได้ผลตอบแทน 20% ผู้เสียหายหลงเชื่อกดลิงก์สมัครและลงทุนในเว็บไซต์ตามคำแนะนำของมิจฉาชีพ ครั้งแรกลงทุน 100 บาท ได้ 130 บาท ถอนเงินออกได้ ครั้งที่สองลงทุน 300 บาท ถอนเงินออกได้ 390 บาท ครั้งที่ 3 ลงทุน 800 บาท จำนวนเงินขึ้นในเว็บไซต์ 960 บาท แต่ยังถอนไม่ได้ มิจฉาชีพแจ้งว่าต้องลงทุนเพิ่มอีก 6 ครั้ง ในแต่ละครั้งต้องลงทุนเพิ่มเป็น 2 เท่า ของครั้งก่อนผู้เสียหายลงทุนเพิ่มเรื่อยๆ สุดท้ายเมื่อทำเรื่องถอน มิจฉาชีพอ้างว่าสลิบไม่บันทึกตามที่แอดมินแจ้ง ต้องโอนเงินเพิ่มเพื่อแก้ไข และต่อมาก็อ้างข้อผิดพลาดต่างๆ และไม่คืนเงินให้ผู้เสียหาย
  2. “สมัครทำงานพิเศษ แต่ต้องเสียเงินค่าทำสัญญา ค่าบัตร ค่าประกันสินค้า” มิจฉาชีพเปิดเพจFacebook ปลอมโดยนำโลโก้กรมการจัดหางานมาประกอบการโฆษณารับสมัครพนักงานแพ็คสบู่ โดยได้ค่าตอบแทนสูง ตามแพคเกจ โดยมีแพคเกจเริ่มต้นที่ก้อนละ 10 บาท ชุดละ 400 ก้อน(บางกรณีหลอกจัดเตรียมสินค้าหรือแพคสินค้า) ผู้เสียหายหลงเชื่อทักแชทสนทนา มิจฉาชีพคนที่ 1 ให้เพิ่มเพื่อนไลน์มิจฉาชีพคนที่ 2 เพื่อแจ้งรายละเอียดการทำงาน มิจฉาชีพคนที่ 2 ให้ทำสัญญาเป็นเงิน 2,099 บาท ค่าบัตรพนักงาน 1,299 บาท และค่าประกันสินค้า 599 บาท โดยจะคืนเงินทั้งหมดเมื่อทำภารกิจสำเร็จ เมื่อผู้เสียหายโอนเงินให้ไปแล้ว จะอ้างเรื่องต่างๆ เพื่อให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่ม สุดท้ายปิดกั้นผู้เสียหายหรือปิดเพจหนีไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ต้องการมีรายได้พิเศษอาจตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพหลอกลวงให้ทำงานในรูปแบบต่าง โดยมีเงื่อนไขในการสมัครงานง่าย รายได้ดี มาจูงใจให้อยากทำงาน จากนั้นมิจฉาชีพจะหลอกให้ทำภารกิจต่างๆ ตามที่กล่าวมาแล้ว สุดท้ายหลอกให้โอนเงิน วิธีการของมิจฉาชีพจะเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงไปเรื่อยๆ และอาจมาในรูปแบบ ดังนี้

1. มิจฉาชีพใช้ชื่อบัญชี RB Shopee VIP 034 ติดต่อผู้เสียหายทางแอปพลิเคชัน Telegram เพื่อ หลอกให้ทำงานรีวิวสินค้าแล้วจะได้รับเงินค่าคอมมิชชั่นในการทำงาน ผู้เสียหายหลงเชื่อมิจฉาชีพจึงดึงเข้ากลุ่ม VIP 5 คน(หน้าม้า) มีเงื่อนไขต้องลงทุนทำภารกิจโดยให้โอนเงินเข้าพร้อมๆ กัน ในการโอนเงินนั้น หน้าม้าจะใช้สลิปปลอมส่งเข้ากลุ่มหลอกว่าโอนเงินแล้ว ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเข้าไป มิจฉาชีพจะอ้างว่าผู้เสียหายโอนผิดหลักเกณฑ์และอ้างเหตุผลต่างๆ เพื่อให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มไปเรื่อยๆ

2. มิจฉาชีพโฆษณารับสมัครงานทาง Facebook ชักชวนทำงานหารายได้พิเศษ เช่น ร้อยลูกปัด มัดยาง คนท้องก็สามารถทำงานอยู่ที่บ้านได้ ฯลฯ มีค่าคอมมิชชั่นตอบแทนสูง และมีการแอบอ้าง Jobthai โดยให้ทดลองทำงานกดโปรโมทขายสินค้าและโอนเงินเท่าจำนวนสินค้าที่กดโปรโมท ในตอนแรกจะได้รับเงินลงทุนพร้อมผลตอบแทนคืน ต่อมาจะให้กดลิงก์เข้าเว็บไซต์ทดลองงานในขั้นที่ 2 โดยต้องโอนเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายจะอ้างว่าทดลองงานไม่ผ่าน อ้างเหตุผลต่างๆ และต้องโอนเงินปิดระบบการทดลองงาน

จะเห็นได้ว่ามิจฉาชีพจะเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงให้ทำภารกิจไปเรื่อยๆ แต่ให้สังเกตุว่าในตอนแรกจะเสนอค่าตอบแทนจากการทำงานหารายได้พิเศษจำนวนมากๆ เพื่อให้หลงเชื่อ จากนั้นจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานหรือทำภารกิจเพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้มิจฉาชีพไป จึงขอแจ้งเตือนให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารถึงวิธีการของมิจฉาชีพ และหากต้องการลงทุนในการเทรดหุ้น ควรลงทุนในบริษัทหรือผู้ให้บริการในตลาดทุนที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. โดยตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย https://www.set.or.th กรณีต้องการทำงานหารายได้พิเศษ ควรติดต่อจากเว็บไซต์กระทรวงแรงงาน หรือกรมการจัดหางานได้ที่เว็บไซต์ https://www.doe.go.th หรือทางแอปพลิเคชัน “ไทยมีงานทำ”กรณีมีข้อสงสัยติดต่อสอบถามกรมการจัดหางาน หรือโทรสายด่วน 1506 กด 2 และเพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบใหม่ สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้จาก เว็บไซต์ และเพจ เตือนภัยออนไลน์ หรือโทรสายด่วน 1441